ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.18 แข็งค่าสุดในภูมิภาค ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 10, 2025 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 34.18 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อ เช้าอยู่ที่ระดับ 34.17 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคและตลาดโลก หลังตลาดคลายกังวลเรื่องมาตรการ ภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.09 - 34.33 บาท/ดอลลาร์

"ทิศทางบาทวันนี้ผันผวนในกรอบกว้าง และเคลื่อนไหวเกาะไปกับสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยวันนี้บาทปิดตลาดแข็ง ค่าสุดในภูมิภาค ขณะที่ตลาดจับตาดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.00 - 34.30 บาท/ดอลลาร์

คืนนี้ตลาดรอดูการประกาศยอดขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ และตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มี.ค.68 ของสหรัฐฯ

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 146.06 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 146.85 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1043 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0973 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,133.95 จุด เพิ่มขึ้น +45.77 จุด (+4.21%) มูลค่าซื้อขาย 50,275.84 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 953.69 ล้านบาท
  • นายกรัฐมนตรี เผยทางการสหรัฐฯ ตอบรับคำขอให้ทีมไทยเข้าเจรจาต่อรองมาตรการภาษีตอบโต้แล้ว ขณะนี้รอการกำหนด
วัน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปเจรจาทันที
  • รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ เลื่อนกำหนดการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไป 90 วัน ว่า เชื่อว่าทั่วโลกต่าง
แปลกใจ เพราะยากจะเดาทิศทางของสหรัฐฯ ได้ถูกต้อง แต่สำหรับรัฐบาลไทย ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่คาดเดาไว้แล้วว่า สุดท้ายแล้ว
สถานการณ์จะออกมาในลักษณะนี้ เนื่องจากมองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีในอัตราสูงตามที่ประกาศออกมาในครั้งแรก เพราะ
จะสร้างความเสียหายต่อทุกประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ เองด้วย
  • ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย [CIMBT] กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย แม้จะ
โดนเลื่อนเก็บภาษีนำเข้า 36% ออกไปก่อน เหลือการจัดเก็บเพียง 10% เท่ากับประเทศอื่นส่วนใหญ่ แต่ก็นับว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
จากนโยบายการค้าสหรัฐ ความไม่แน่นอนและความตึงเครียดที่ยืดเยื้อ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จึงได้ปรับลดคาดการณ์ GDP
ปี 68 จาก 2.7% ลงเหลือ 1.8%
  • นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) กล่าวว่า จากการที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มได้รับผล
กระทบสูงจากสงครามการค้า ทั้งทางตรงและอ้อม ไทยพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ มากขึ้น และนำเข้าสินค้าจีนมากขึ้นด้วย หลังจากจีนทยอยลดการ
พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ จึงมองว่าเศรษฐกิจไทยปี 68 อาจขยายตัวต่ำลงจากมุมมองเดิม 2.4% หลังเผชิญนโยบายภาษีสหรัฐฯ รุนแรงกว่าคาด
และจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดด้วย
  • บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) คาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.68 จะมี
ปริมาณเที่ยวบินรวม 18,530 เที่ยวบิน เฉลี่ย 2,647 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปี 2567
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมี.ค.68 อยู่ที่ 56.7
ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ของไทย และ
ทั่วโลกปรับตัวลดลง แม้รัฐบาลจะออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้า
  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวล
ว่านโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ในขณะเดียว
กันกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่าจะไม่รีบร้อนพยุงเศรษฐกิจด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากคาดว่าการเพิ่มขึ้นของภาษีศุลกากรจะส่งผล
ให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นด้วย
  • ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวในวันนี้ (10 เม.ย.) ว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำ
สหรัฐฯ ในการระงับการเก็บภาษีนำเข้าอัตราสูงกับหลายสิบประเทศชั่วคราวนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจ
โลก
  • โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP จีนลงอย่างมาก โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะ
โตเพียง 4% ในปี 2568 และ 3.5% ในปี 2569 ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.5% และ 4.0% ตามลำดับ เนื่องจากได้รับผลกระทบทาง
เศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างหนักหน่วง
  • คณะผู้นำจีนเตรียมจัดการประชุมในวันนี้ (10 เม.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลัง
จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยกระดับการทำสงครามการค้ากับจีนด้วยการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 125%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ