AAV มั่นใจปี 67 รายได้ทะยาน 20-23% มีผู้โดยสาร 20-21 ล้านคนรับตลาดจีน-เส้นทางใหม่หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 23, 2024 17:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (TAA) เปิดเผยว่า ในปี 2567 มองว่าจะเป็นปีที่ดีของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดเส้นทางระหว่างประเทศ การกลับมาของตลาดจีน และเส้นทางบินใหม่ๆ ที่ไทยแอร์เอเชียเปิดให้บริการแล้ว อาทิ จากดอนเมืองสู่เซี่ยงไฮ้ เกาสง และล่าสุด โอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชีย คาดจะขนส่งผู้โดยสาร 20-21 ล้านคนในปี 2567 โดยมีอัตราขนส่งผู้โดยสารใกล้เคียง 90% ตั้งเป้ารายได้จากการขายและบริการเติบโต 20-23% จากปี 2566 และขยายฝูงบินเป็น 60 ลำภายในสิ้นปี

ส่วนด้านการบริหารต้นทุน ยังคงเน้นย้ำถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการบินเพื่อชดเชยกับต้นทุนที่เกี่ยวกับเครื่องบินและสนามบินที่เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทเชื่อมั่นว่าในปี 2567 จะสามารถสร้างผลกำไรจากการทำการบินได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเสริมให้สถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น และสามารถดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะต่อพนักงาน นักลงทุน ผู้โดยสาร และชุมชน

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2566 รายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 12,457.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 3,085.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% และรายงานกำไรสุทธิ 2,813.6 ล้านบาท โดยขนส่งผู้โดยสาร 5.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26% อัตราขนส่งผู้โดยสารสูงถึง 90% โดยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2562 (ช่วงก่อนโควิด-19) ปริมาณที่นั่งที่ให้บริการภายในประเทศฟื้นตัวกลับมาแล้วกว่า 94% ส่วนปริมาณที่นั่งที่ให้บริการระหว่างประเทศฟื้นตัว 84% ตอกย้ำทิศทางบวกต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการบิน

สำหรับผลประกอบการตลอดปี 2566 AAV มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 41,241.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135% เทียบกับปีก่อน โดยมี EBITDA อยู่ที่ 7,032.4 ล้านบาท และรายงานกำไรสุทธิ 465.8 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน (8,214.4) ล้านบาทในปีก่อน โดยขนส่งผู้โดยสารตลอดปี 18.9 ล้านคน เติบโตถึง 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน อัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 90% และสัดส่วนผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศอยู่ที่ 63% ต่อ 37%

นายสันติสุข กล่าวว่า ตลอดปี 2566 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยกลับมาฟื้นตัวคึกคัก โดยบรรลุเป้าหมายในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวน 28 ล้านคน หนุนจากการเปิดพรมแดนของประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศหลักประเทศสุดท้าย และสภาพเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยวอย่างชัดเจน มีโครงการสนับสนุนต่อเนื่อง อาทิ การยกเว้นวีซ่าประเทศต่างๆ การปรับปรุงกระบวนการภายในสนามบินให้คล่องตัวพร้อมรับนักท่องเที่ยว ในขณะที่มีแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจการบินฟื้นตัวได้อย่างดี

"ในไตรมาสที่ 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นที่เห็นภาพการท่องเที่ยวที่คึกคักชัดเจน โดยเฉพาะตลาดการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในเดือนธันวาคมไทยแอร์เอเชียเพิ่มเที่ยวบินจากทั่วทุกภาคเข้าสู่เมืองเชียงใหม่กว่าสัปดาห์ละ 200 เที่ยวบิน เช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ต ที่เพิ่มเที่ยวบินให้บริการกว่าสัปดาห์ละ 144 เที่ยวบิน สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ เราได้เปิดเส้นทางบินใหม่ คือ จากดอนเมืองสู่กูวาฮาติและอัห์มดาบาด ประเทศอินเดีย รวมถึงกลับมาให้บริการเส้นทางดอนเมือง-ซัวเถาอีกครั้ง ทั้งนี้ ต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยและจีนได้ลงนามความตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะไทยแอร์เอเชียที่มีเส้นทางบินสู่จีนมากที่สุด ซึ่ง ณ เดือนกุมภาพันธ์นี้ให้บริการรวมกว่า 103 เที่ยวบินต่อสัปดาห์" นายสันติสุขกล่าว

นอกจากนั้น ไทยแอร์เอเชียยังให้ความสำคัญกับ "ความตรงต่อเวลา" ซึ่งถือเป็นคุณภาพบริการที่สร้างความแตกต่างและเป็นปัจจัยอันดับแรกๆ ที่ทำให้ผู้โดยสารเลือกเดินทางกับไทยแอร์เอเชีย โดยปี 2566 ไทยแอร์เอเชียยังคงเป็นสายการบินที่มีสถิติความตรงต่อเวลาสูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 3 ในเอเชียแปซิฟิกจากการจัดอันดับของ Cirium พร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาสู่การเป็นสายการบินที่ยั่งยืน ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดลัอม โดยเฉพาะโครงการลดการปล่อยคาร์บอนผ่านกระบวนการบินที่ประหยัดพลังงานและแผนการนำฝูงบินใหม่ แอร์บัส เอ 321 นีโอ เข้าประจำการฝูงบินต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ