ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร (8 เม.ย.) โดยดีดตัวขึ้นจากแรงขายอย่างหนักในวันก่อนหน้า ท่ามกลางความหวังว่า สหรัฐฯ อาจลดท่าทีแข็งกร้าวต่อภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,910.53 จุด เพิ่มขึ้น 208.45 จุด หรือ +2.71%
ดัชนี FTSE 100 ปรับขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 หลังจากก่อนหน้านี้ปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
หุ้นส่วนใหญ่ในดัชนี FTSE 100 ปิดบวก ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดฟื้นตัวขึ้นเมื่อเริ่มมีสัญญาณของการเจรจา หลังเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า ผู้เจรจาการค้าของสหรัฐฯ กำลังให้ความสำคัญกับพันธมิตรในระหว่างการเจรจา
ด้านราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังอังกฤษเปิดเผยว่า เธอจะพบปะกับ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ ในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการหารือเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ที่อังกฤษหวังว่าจะช่วยลดภาระภาษีนำเข้า
หุ้นกลุ่มอวกาศและกลาโหมพุ่งขึ้น 5.6% โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) และหุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ (BAE Systems) นำตลาดปรับตัวขึ้นด้วยการพุ่งขึ้น 6.8% และ 4.6% ตามลำดับ
หุ้นเหมืองแร่โลหะมีค่าพุ่งขึ้น 3% หลังจากราคาทองคำทะยานกลับไปเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากแรงหนุนของเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งมักถูกซื้อขายเสมือนพันธบัตรเพิ่มขึ้น 2.1% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือนตามทิศทางของพันธบัตรสหรัฐฯ และเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่ โดยทางการจีนปฏิเสธที่จะยอมทำตามสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 104%
ทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังรอการตอบรับจากจีนก่อนที่มาตรการภาษีมากกว่า 100% จะมีผลบังคับใช้ในวันพุธนี้ (9 เม.ย.) ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าเขายังเปิดทางสำหรับการเจรจาฉุกเฉินกับจีนซึ่งประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีนี้ (10 เม.ย.)