ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ชะลอการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศเป็นเวลา 90 วัน ช่วยบรรเทาความตื่นตระหนกของนักลงทุนหลังตลาดทั่วโลกผันผวนหนักก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,913.25 จุด เพิ่มขึ้น 233.77 จุด หรือ +3.04%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2565 ขานรับทรัมป์ประกาศระงับการจัดเก็บภาษีนำเข้าเมื่อวันพุธ ไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังมาตรการเพิ่งเริ่มมีผลใช้บังคับ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวยืนยันว่า ภาษีนำเข้าพื้นฐาน 10% ยังคงมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าส่วนใหญ่
ในฝั่งยุโรปนั้น สหภาพยุโรป (EU) ก็ได้ประกาศชะลอมาตรการตอบโต้ด้านภาษีเป็นเวลา 90 วันเช่นกัน เพื่อลดแรงกดดันด้านการค้ากับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้เพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนจาก 104% เป็น 125% ขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% ทำให้นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจถดถอย
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลนำตลาดปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้นถึง 6%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 5.3% และ 3.7% ตามลำดับ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ต่อเนื่องจากวันพุธจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ราคาทองแดงและโลหะพื้นฐานอื่น ๆ ก็ฟื้นตัวแรงเช่นกัน พร้อมกับสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก หลังสหรัฐฯ ชะลอการจัดเก็บภาษี
แต่หุ้นบริษัทเทสโก้ (Tesco) ร่วงลง 6.1% สวนทางตลาด หลังจากบริษัทค้าปลีกอาหารรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษเตือนว่า กำไรปีนี้อาจลดลง เพราะต้องกันเงินสำรองเพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงขึ้น
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค. ลดลงอย่างไม่คาดคิด 0.1% แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ในระดับสูงจากผลกระทบของสงครามการค้ากับจีน
ซาราห์ บรีเดน รองผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กล่าวว่า ผลกระทบจากภาษีนำเข้าของทรัมป์ต่อเงินเฟ้อในอังกฤษ และผลต่ออัตราดอกเบี้ยนั้น ยังไม่ชัดเจน แม้ว่าแนวนโยบายใหม่ของสหรัฐฯ อาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม